Loading...

9 ประโยชน์ของเมล็ดเจีย (Chia Seeds) กินแล้วดีต่อสุขภาพ อย่างไรบ้าง?

Last Updated: August 28, 2024

9 ประโยชน์ของเมล็ดเจีย (Chia Seeds) กินแล้วดีต่อสุขภาพ
อย่างไรบ้าง?

เมล็ดเจีย ถือเป็นธัญพืชที่จะช่วยป้องกันโรค และบำรุงสุขภาพให้แข็งแรง ซึ่งปัจจุบันเทรนด์สุขภาพ
กำลังมาแรง ทำให้ผู้คนเริ่มห่วงใยสุขภาพของตัวกันมากขึ้น และเริ่มที่จะหันมารับประทานอาหารเสริม
หรือธัญพืชต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้น เมล็ดเจีย ก็ถือเป็นธัญพืชที่กำลังได้รับความนิยมสำหรับคบคนที่
ต้องการดูแลสุขภาพด้วยเช่นกัน ซึ่งเมล็ดเจียนั้นจะมีลักษณะรูปร่างที่มีขนาดเล็ก คล้ายเมล็ดแมงลัก แต่
อัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายบทความสำหรับวันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความ
รู้จักเกี่ยวกับ ประโยชน์ของเมล็ดเจีย กันให้มากยิ่งขึ้น ว่าทำไมเมล็ดเจียจึงเป็นธัญพืชที่ได้รับความนิยม
ในหมู่ของคนรักสุขภาพ ถ้าพร้อมแล้ว มาตามไปดูพร้อมกันเลย

คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดเจีย
เมล็ดเจีย 28 กรัม ให้พลังงานเพียง 137
แคลอรี
ㆍ โปรตีน 40.32 กรัม
ㆍไขมัน 11.89 กรัม
ㆍ คาร์โบไฮเดรต 35.14 กรัม
ㆍไฟเบอร์ 34.4 กรัม
ㆍ แคลเซียม 150 กรัม
ㆍ ธาตุเหล็ก 14.30 กรัม
ㆍ แมกนีเซียม 362 กรัม
ㆍ ฟอสฟอรัส 810 กรัม
ㆍ โพแทสเซียม 425 กรัม
ㆍโซเดียม 41 กรัม
ㆍ ซิงก์ 10.70 กรัม

1. ช่วยลดน้ำหนัก
เมล็ดเจียมีส่วนในการที่จะช่วยลดน้ำหนักได้เมื่อรับประทานเข้าไป เพราะเมล็ดเจียนั้นจะมีคุณสมบัติพอง
ตัวออก เมื่อถูกแช่ในน้ำ ทำให้เมื่อรับประทานเมล็ดเจียเข้าไปก็จะไปขยายตัวภายในท้อง จนทำให้เกิด
ความรู้สึกอิ่มนาน และรับประทานได้น้อยลง ไม่ทำให้เกิดอาการหิวระหว่างวัน ส่งผลให้น้ำหนักลดลง
นั่นเองค่ะนอกจากนี้ ภายในเมล็ดเจียยังมีเส้นใยอาหาร และกรดอัลฟาไลโนเลนิก ที่อาจมีส่วนช่วยลดน้ำหนัก ลด
ไขมัน และลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะอ้วน และยังมีงานวิจัยพบว่า การรับประทานเมล็ดเจียวันละ 35
กรัม นาน 12 สัปดาห์ ช่วยให้ลดน้ำหนัก และขนาดรอบเอวลงได้จริง และระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมก็ลดลง และมีไขมันชนิดดีเพิ่มขึ้น

2. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
โดยทั่วไปแล้วธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี เมื่อรับประทานเข้าไปก็จะดีต่อการลดโอกาสเสี่ยงในการ
เกิดโรคหัวใจ รวมถึงอาจเป็นผลดีต่อคนที่ป่วยเป็นเบาหวานด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงได้มีการศึกษาพบว่า
เมื่อให้คนที่ป่วยเป็นเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเป็นอย่างดี รับประหานเมล็ดเจีย ชนิดซัลบา
หรือรำข้าวสาลี ประมาณ 37 กรัมต่อวัน เป็นเวลา 12สัปดาห์ผลลัพธ์ที่ได้คือสามารถช่วยลดระดับความ
ดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัว และลดการเกิดความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด ที่สามารถทำให้เกิดลิ่ม
เลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของกล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือโรคหลอดเลือดสมอง

3. รักษาความดันโลหิตสูง
ได้มีการวิจัยศึกษาเรื่องการลดระดับความดันโลหิตซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหัวใจ และหลอด
เลือด โดยพบว่าการรับประทานเมล็ดเจียแบบบดวันละ 35 กรัม นาน 12 สัปดาห์ ส่งผลให้คนที่มีภาวะ
ความดันโลหิตสูง มีระดับความดันโลหิตลดลง โดยไม่ส่งผลต่อระดับความดันโลหิตขณะหัวใจคลายตัว
ดังนั้น จึงมีการคาดว่าการรับประทานเมล็ดเจียจึงอาจมีส่วนในการควบคุมรักษาภาวะระดับความดันโลหิต
สูง แต่ก็ยังไม่ได้มีการศึกษายืนยันอย่างชัดเจนปัจจุบัน

4. ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
เมล็ดเจีย มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง เนื่องจากภายในเมล็ดเจียนั้นมีแคลเซียม,
ฟอสฟอร์ส, แมกนีเซียม และกรดอัลฟาไลโนเลนิกหรือกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีส่วนช่วยให้กระดูกแข็ง
แรง เพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุน

5. ช่วยรักษาบาดแผลหายเร็ว
การรับประทานเมล็ด อาจมีส่วนช่วยในการรักษาบาดแผลให้หายเร็ว ไม่ติดเชื้อง่าย เนื่องจากเมล็ด
เจียนั้นจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ร่างกาย จะเปลี่ยนเป็นสารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ซึ่งมี
ฤทธิ์แก้อักเสบ และบรรเทาอาการเจ็บปวด แถมยังป้องกันการติดเชื้อของบาดแผลอีกด้วยค่ะ

ช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายดีขึ้นเนื่องจากภายในเมล็ดเจียนั้นจะอุดมไปด้วยไฟเบอร์
โปรตีน และกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง ซึ่งสารอาหารเหล่านี้นั้นมีส่วนช่วยปรับสมดุลระบบเผาผลาญ
พลังงานของร่างกายนั่นเองค่ะ

7. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานปกติ
เนื่องจากภายในเมล็ดเจีย จะอุดมไปด้วยไขมันดี และไฟเบอร์ประมาณ 34.4 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณ
ไฟเบอร์ที่เพียงพอสำหรับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ซึ่งตัวไฟเบอร์นั้นจะมีส่วนช่วยให้ระบบ
ย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไม่ทำให้พุงป้อง และยังลดความเสี่ยงในการเกิด
อาการท้องไม่ผูกขึ้นอีกด้วยค่ะ

8. ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย
สำหรับใครที่ต้องการเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายโดยเฉพาะในกลุ่มนักกีฬา หรือคนที่ต้องเคลื่อนไหว
ร่างกายในการทำกิจกรรมต่าง ๆ การรับประทานเมล็ดเจียจะมีส่วนช่วยในการเพิ่มพลังงานให้แก่
ร่างกายได้ เพราะในเมล็ดเจียนั้นอุดมไปด้วยโปรตีนสูง ซึ่งมากกว่าโปรตีนที่พบในธัญพืช หรือเมล็ดข้าว
ชนิดต่าง ๆ

9. ช่วยบำรุงให้ผิวดูอ่อนวัย
ในเมล็ดเจีย นั้นจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ แร่ธาตุ และวิตามิน มากกว่าในผลไม้ตระกูลเบอร์รี ดังนั้น การรับ
ประทานเมล็ดเป็นประจำในปริมาณที่เหมาะสม จึงมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวให้ดูอ่อนวัยลง มีเส้นผมที่นุ่ม
สลวย เล็บแข็งแรง ไม่เปราะหักง่าย เป็นต้น เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ ประโยชน์ของเมล็ดเจีย ที่
เรานำมาฝากกัน เมล็ดเจียถือเป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยประโยชน์ที่หลากหลายมาก ๆ เลยนะคะ ถ้าหาก
ใครที่ยังไม่เคยลองรับประทานสามารถซื้อมาติดครัวไว้กันได้เลย เพราะถือเป็นอาหารยอดนิยมในหมู่คน
รักสุขภาพ รับรองรับประทานเข้าไปแล้วดีต่อสุขภาพแน่นอน ทั้งมีส่วนช่วยในการรักษาและป้องกันโรค
รวมถึงช่วยบำรุงสุขภาพในด้านอื่น ๆ มากมาย หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้สำหรับทุกคนนะคะ

เมล็ดเจียกินได้ทุกช่วงวัย แต่เป็นปริมาณที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ควรกินวันละ 1 ช้อนโต๊ะ
  • เด็กอายุ 5-18 ปี ควรกินวันละ 1.4-4.3 กรัม
  • ผู้ใหญ่ ควรกินวันละ 15 กรัมหรือ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรกิน 33-41 กรัม ทุก ๆ 3 เดือน แต่ต้องนำไปป่นก่อนกิน

Cr.HDmall .co.th

Share This Story, Choose Your Platform!