Loading...

5 อันดับแบรนด์รถหรูราคาแพงที่สุดในโลก 2024

Last Updated: September 4, 2024

5 อันดับแบรนด์รถหรูที่แพงที่สุดในโลก อัปเดต 2024

หากพูดถึงรถหรู หรือ แล้ว หลายคนคงนึกถึงเหล่าแบรนด์รถหรูเจ้าดัง ๆ อย่าง Rolls-Royce, Bugatti, Lamborghini, Ferrari หรือ Aston Martin ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก แต่คุณรู้หรือไม่ว่ารถที่แพงที่สุดในโลกมาจากแบรนด์อะไร มีจุดเด่นและประสิทธิภาพที่ดีมากขนาดไหน วันนี้เราได้รวบรวม 5 อันดับแบรนด์รถหรูสุดพรีเมี่ยม ที่ราคาแพงที่สุดในโลกปี 2023 มาให้ทุกคนที่สนใจได้ลองอ่านและศึกษากัน

5 อันดับแบรนด์รถหรูราคาแพงที่สุดในโลก

1. Rolls-Royce Boat Tail

 

Rolls-Royce Boat Tail ผลงานที่สั่งทำขึ้นพิเศษและเปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 ในราคาสูงกว่า 20 ล้านยูโรเป็นรถยนต์หรูเปิดประทุน 2 ประตูสั่งทำพิเศษที่มีเพียง 3 คันในโลก ครองตำแหน่งรถสปอร์ตที่แพงที่สุดในโลก และแบรนด์รถหรูคันนี้ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากรถเปิดประทุนยุค 1930  ภายในห้องโดยสารใช้หนังแท้ทั้งหมด โดยรวมเลือกใช้โทนน้ำเงินอ่อน จะมีแค่เบาะคู่หน้าที่เลือกเป็นสีน้ำเงินเข้ม มาตรวัดความเร็วใช้เป็นเข็มอนาล๊อค 3 วง แผงคอนโซลตกแต่งด้วยไม้วีเนียร์ผิวด้านแบบ Open-Pore แบบเดียวกับส่วนท้ายรถ และนาฬิกาเข็มที่ติดอยู่กี่งกลางคอนโซล เป็นความร่วมมือระหว่าง Rolls-Royce กับทาง BOVET 1822 มันไม่ได้ฝังตายติดกับรถ เพราะคุณสามารถดึงมันออกมาใส่ข้อมือได้ทันที และเขาไม่ได้ให้เรือนเดียว ยังมีอีกเรือนซ่อนอยู่ในลิ้นชักคอนโซลกลาง โดยเรือนหนึ่งสำหรับสุภาพสตรี อีกเรือนของสุภาพบุรุษ

 

Rolls-Royce Boat Tail ถือเป็นรถเปิดประทุนที่ใหญ่โตมากด้วยความยาว 5.8 เมตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์จาก Phanton V12 เทอร์โบคู่ขนาด 6.75 ลิตร ให้กำลัง 563 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใช้เวลาประมาณ 5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กม./ชม.

Rolls-Royce Boat Tail เป็นรถยนต์ที่หรูสุดคลาสสิคตำนานโลก สมกับราคาแพงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

 

2. Bugatti La Voiture Noire

 

 

 

Bugatti La Voiture Noire ตำนานรถสีดำที่สาบสูญเป็นรถสปอร์ตไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นเพียงคันเดียวในโลก เปิดตัวในปี 2019 ด้วยราคา 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 600 ล้านบาท) รถยนต์คันนี้ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก Bugatti Type 57 SC Atlantic ซึ่งเป็นรถคลาสสิคที่ผลิตขึ้นในช่วงปี 1930 ตัวถังของรถจะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์เส้ยใยละเอียด พ่นสีดำฉ่ำลึกแบบ Deep Black Gloss 

หลังจากใช้เวลากว่า 2 ปี ในการทดสอบด้านขุมพลัง Bugatti La Voiture Noire  ใช้เครื่องยนต์ W16 เทอร์โบชาร์จ 8.0 ลิตรที่ให้กำลัง 1,500 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลา 2.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 420 กม./ชม. La Voiture Noire

  1. Bugatti Centodieci

 ภาพจาก carmagazine.co.uk

Bugatti Centodieci ถูกผลิตอย่างประณีตด้วยมือเพื่อฉลองครบรอบ 110 ปีของแบรนด์รถหรู Bugatti ตัวรถเปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 ด้วยราคาสูงถึง 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 300 ล้านบาท) จำนวนจำกัดเพียง 10 คัน Centodieci ได้รับการตั้งชื่อตาม Bugatti EB110 ซึ่งเป็นรถซูเปอร์คาร์รุ่นแรกของ Bugatti ที่ผลิตขึ้นในปี 1991 ซึ่งนอกจากชื่อแล้ว ดีไซน์ภายนอกและภายในยังได้รับอิทธิพลมาจาก EB110 ด้วยในหลาย ๆ แง่มุม

Bugatti Centodieci มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ W16 ขนาด 8 ลิตร เทอร์โบ 4 ลูก ระบบขับเคลื่อน All-Wheel Drive จับคู่กับเกียร์ 7 สปีด DSG รีดกำลังได้สูงสุด 1,600 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที มีแรงม้าต่อน้ำหนักที่ 1.13 กิโลกรัม ต่อแรงม้า

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.4 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ในเวลา 6.1 วินาที อัตราเร่ง 0-300 กม./ชม. 

ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นสุดพิเศษที่เชื่อว่าเก็บไว้ระยะเวลานาน มูลค่าของมันจะสูงขึ้นเท่าตัวแน่นอน

 

4. Mercedes Maybach Exelero

 

 

Mercedes-Maybach Exelero เป็นแบรนด์รถหรูระดับไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตขึ้นเพียงคันเดียวในโลก เปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 ในราคา 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 200 ล้านบาท) โดย Mercedes-Benz และ Fulda บริษัทยางในเครือ Goodyear จากประเทศเยอรมัน ได้ร่วมมือกันสร้างและร่วมกันพัฒนา จนกลายเป็นรถสุดเท่ หรูหราและราคาแพงมาก  

โดยภายนอกใช้การออกแบบที่เรียบหรู โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ ไฟหน้าทรงกลม และไฟท้าย LED รูปทรงเรียวยาว ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียมอย่างไม้ หนัง และคาร์บอนไฟเบอร์ เบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa ตัดด้วยตะเข็บสีแดงดูเข้ากันอย่างลงตัว คอนโซลกลางติดตั้งจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว ระบบเสียง Burmester High-End Surround Sound และระบบความบันเทิงแบบเต็มรูปแบบ

Mercedes-Maybach Exelero มีตัวถัง ในด้านมิติตัวรถมีความยาว 5,890 มม. กว้าง 2,140 มม.สูง 1,390 มม. ระยะฐานล้อ 3,390 มม.สมรรถนะสูงสุด 690 แรงม้า เร่งความเร็ว 1-100 กิโลเมตรได้ภายใน 4.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 351.45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำความเร็วสูงสุดได้ 351.45 กม./ชม.  

5. Bugatti Divo

 

Bugatti Divo เป็นรถไฮเปอร์คาร์สุดพิเศษที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 ด้วยราคา 6.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 200 ล้านบาท) ผลิตออกมาเพียง 40 คันเท่านั้น ตัวรถได้ตั้งชื่อตามนักแข่งรถชาวฝรั่งเศส Albert Divo ซึ่งชนะการแข่งขัน Targa Florio สองครั้งในปี 1928 และ 1929 Bugatti Divo ได้รับการต่อยอดมาจากแบรนด์รถหรู Bugatti Chiron ในด้านแอโรไดนามิกและน้ำหนัก ด้านหน้ามีกระจังหน้าทรงเกือกม้าขนาดใหญ่ขึ้น ช่องดักอากาศที่กว้างขึ้น และโคมไฟหน้า LED ขนาดเล็ก การปรับแต่งเหล่านี้ทำให้ Divo เร็วกว่า Chiron ตอนเข้าโค้ง แต่ยังคงช้ากว่าเล็กน้อยในการเร่งและทำความเร็วสูงสุด

ห้องโดยสารภายใน เน้นการใช้วัสดุรีดน้ำหนัก อย่าง Alcantara และ คาร์บอนไฟเบอร์ เบาะนั่งชุดใหม่เฉพาะใน Bugatti DIVO มาในแบบ Bucket seat รองรับการขับที่ดุดันมากขึ้น พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ทรงเดียวกับ Chiron แต่เปลี่ยนสีที่ปุ่มสตาร์ทเครื่อง กับปุ่มปรับโหมดเป็นสีแดง มาตรวัดความเร็วเหมือนเดิม ใช้แบบเข็ม Analog ขนาบข้างสองฝั่งด้วยจอสี จอด้านซ้ายใช้โชว์รอบเครื่องยนต์, แรงม้าที่ใช้ เกจ์วัดความร้อน, เกจ์วัดน้ำมัน ส่วนจอด้านขวา ใช้แสดงข้อมูลการขับขี่ ปรับตั้งค่าในตัวรถทั้งหมด 


Bugatti Divo ขุมพลังขนาด 8.0 ลิตร W16 พร้อมเทอร์โบ 4 ลูก ทำกำลังได้สูงสุด 1,500 แรงม้า ที่ 6,700 รอบ/นาที แรงบิดมหาศาลถึง 1,600 นิวตัน-เมตร มาตั้งแต่ 2,000-6,000 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุดถึง 380 กม./ชม. (ถูกจำกัดไว้) ส่งกำลังด้วยเกียร์ 7 สปีด คลัทซ์คู่ DSG และใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive

Share This Story, Choose Your Platform!